รีวิว การสอบ TOEIC 2020 แบบใหม่ในยุค Covid-19
#ของหมอวิน
เป็นการสอบครั้งแรกในชีวิตครับ สำหรับ TOEIC
ปีก่อนๆ ไม่เคยสอบ ก็ไม่รู้ว่าเนื้อหาปีก่อนยากแค่ไหนครับ
สอบไปทำไม
การสอบ TOEIC มีชื่อเต็ม Test of English International Communication เป็นข้อสอบที่จัดทำขึ้นมาเพื่อวัดระดับความสามารถเกี่ยวกับเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษทั่วไป ที่ต้องการก้าวขึ้นไปสู่ความเป็นมืออาชีพด้านการใช้ภาษามากกว่าเดิม ในประเทศไทยมีภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 เพราะองค์กรหลายแห่งมักมีตำแหน่งที่ต้องใช้ผลการวัดคะแนน TOEIC สำหรับการสมัครเข้าทำงานด้วย โดยเฉพาะสายการด้านการท่องเที่ยว, การบิน, การโรงแรม, โรงพยาบาล รวมไปถึงสายงานอื่นๆ ที่จำเป็นต้องติดต่อสื่อสารภาษาอังกฤษ
ส่วนผมคืออยากลองไปสอบดูครับ เห็นมีคนไปสอบกันเยอะ
เลยอยากทดสอบตัวเองดูบ้าง
คะแนนเต็ม 990 แบ่งเป็น ฟัง 495 อ่าน 495 คะแนน
ไม่มีคะแนนตก ขึ้นกับว่าองค์กรเรา ต้องการเกณฑ์ขั้นต่ำเท่าไหร่
ส่วนจะมีอะไรบ้างมาดูกันครับ
1.ราคาใหม่ 1,500 เป็น 1,800
2.100 ข้อ ฟัง และ 100 ข้อ อ่าน เหมือนเดิม
3.Part ฟัง เวลาทำ 45 นาที เหมือนเดิม
...มีทังหมด 4 Part (4 ตัวเลือก ยกเว้น มี 3 ตัวเลือกในพาร์ท 2)
...(1) Photograph จาก 10 ข้อ เหลือ 6 ข้อ
พาร์ทนี้มีรูปให้ดูขาวดำครับ คนก็จะพูด เราก็เลือกประโยคที่เข้ากับภาพมากที่สุด มักจะโดนหรอกคำพ้องเสียง หรือ คำที่มีในภาพแต่กริยาหรือประธานผิด
...(2) Question-Response จาก 30 ข้อ เหลือ 25 ข้อ
พาร์ทนี้คือ มีการถามและตอบ โดยไม่มีตัวเลือกมาให้เรา
ต้องฟังดีๆ ทั้งคำถาม และคำตอบ ถ้าหลุดฟังไม่ทันในคำถาม คำตอบแทบพังเลย
...(3) Short Conversation จาก 30 ข้อ กลายเป็น 39 ข้อ
พาร์ทนี้ผมว่ายากสุด เพราะว่ามี 2-3 คนพูดในบทสนทนา มันจะเร็วๆมากๆ เพราะงั้นต้องรีบอ่านคำถามคำตอบก่อนว่ามีอะไร แล้วก็รีบควานหาคำตอบ เพราะถ้าอึ้งนานๆ แป๊ปๆ พูดจบ เอ้าไรวะ ลุงฟังไม่ทัน
...(4) Short Talks 30 ข้อ เหมือนแบบเดิม
พาร์ทนี้เป็นการประกาศ มีผู้พูดคนเดียว แต่จะมีการคำนวณนิดหน่อย มีรูป มีกราฟ มีแผนผัง ในระบบแบบใหม่ แต่ก็คิดว่ายังง่ายกว่าพาร์ท 3 ครับ
เทคนิค Part นี้ ให้เราฝึกฟังภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง
ฟังบ่อยๆ ในภาษาที่ไม่โหดมากๆ เป็นกลุ่มในธุรกิจ
การบิน ท่องเที่ยว ชีวิตประจำวัน
พาร์ทนี้ผมพยายามอ่านคำถาม อ่านตัวเลือกก่อนที่เค้าจะพูด
แล้วจินตนาการว่าเค้าจะพูดแนวไหน ทำให้เดาได้ง่ายขึ้น
4.Part อ่าน เวลาทำ 75 นาที เหมือนเดิม
...มีทังหมด 3 Part (4 ตัวเลือก)
...(1) Incomplete Sentences จาก 40 ข้อ เหลือ 30 ข้อ
พาร์ทนี้ ต้องทำให้ไว คือ การเติมคำศัพท์ที่เหมาะสม หรือไวยกรณ์ที่ถูกต้องในรูปประโยค ก็ออกได้หมดในทุกๆเรื่องไวยกรณ์
...(2) Text Completion จาก 12 ข้อ เป็น 16 ข้อ
ให้ passage มา แล้วก็เว้นช่องว่างให้เราเติมคำหรือประโยคยาวๆ ที่สสมบูรณ์ลงไป อันนี้ก็ต้องดูว่าตัวเลือกไหนถูกต้องที่สุดในแง่คำศัพท์ หรือ แง่ไวยกรณ์ครับ เป็นความยากเหนือระดับกว่าพาร์ทแรก แต่ยังไม่ยากที่สุด
...(3) Reading Comprehension จาก 48 ข้อ 54 ข้อ
ยกให้ยากที่สุด เพราะมันยาวจนตาลาย และคำถามมีทั้งแบบว่า ข้อใดไม่ได้กล่าวถึง หรือบอกเป็นนัยว่าอย่างไร ซึ่งต้องตีโจทย์และตัวเลือกให้แตกก่อน แล้วต้องรีบกลับไปหาข้อความภายในบทความที่ให้ไว้ ภาษาก็ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากระดับศัพท์เฉพาะทางครับ
มีทั้ง single, double and triple passages
เทคนิค Part นี้ ให้เราฝึกอ่านภาษาอังกฤษเยอะๆครับ
ให้รู้ความหมายและหน้าที่ของคำศัพท์นั้นๆ ว่าแปลว่าอะไรได้บ้าง
และเป็นคำนาม หรือ คำวิเศษณ์ จะมีกลุ่มคำศัพท์ที่เราควรรู้ให้หมดราวๆ 1-2000 คำครับ
หลักๆ ส่วนอื่นก็อ่านคำถามก่อน แล้วรีบสแกนหาคำตอบ
การอ่าน ผมทำ 30 ข้อแรกเสร็จก่อน แล้วก็ข้ามไปทำพาร์ทสุดท้าย ราวๆ ครึ่งนึง จากนั้นก็ข้ามไปทำพาร์ท 2 จนเสร็จ แล้วมาเก็บที่เหลือของพาร์ทสุดท้าย
ตอนนั้นประกาศ 5 นาทีสุดท้าย เหลือ 3 passages ที่เป็นเรื่องเดียวกันที่มีคำถาม 5 ข้อสุดท้ายพอดีครับ
สุดท้ายนี้ ผมสรุปว่า TOEIC เป็นข้อสอบที่ต้องมีคลังคำศัพท์ในหัวมากระดับนึง ต้องอ่านให้ไว ต้องฝึกทำโจทย์มาก่อนเยอะๆ
หวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยชน์ กับคนที่ต้องการสอบ
หรือต้องการอัพคะแนนให้เพิ่มขึ้น
หากมีคำถามอะไร ก็ทักมาใน inbox ได้เลยนะครับ
หรือใครมีอะไรดีๆ สามารถแชร์ให้ได้เลยนะครับ